ข้อมูลส่วนตัวของน้องชื่อ นายมารุต แดนเจริญ อายุ 21 ปี ปัจจุบันเป็นนักศึกษาคณะอุตสาหกรรมเกษตร สาขาพืชศาสตร์ ม.กาฬสินธุ์ (ในเมือง)
ซึ่งก่อนที่จะมาเรียนที่ ม.กาฬสินธุ์ ได้เรียนที่วิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีจังหวัดร้อยเอ็ด สาขาวิชาพืชศาสตร์ ในระหว่างเรียนได้ไปฝึกงานที่ประเทศอิสราเอล เกี่ยวกับเกษตรทั่วไป และหลังจากฝึกงานเสร็จก็ได้กลับมาทำโครงงานเกี่ยวกับ "การปลูกไม้ดอกเมืองหนาว"
และเมื่อจบการเรียนในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง(ปวส.) จากวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีจังหวัดร้อยเอ็ด แล้ว ก็ได้มาเรียนต่อในระดับปริญญาตรีที่ คณะอุตสาหกรรมเกษตร สาขาพืชศาสตร์ ม.กาฬสินธุ์ (ในเมือง) ปัจจุบันนี้เรียนอยู่ชั้นปีที่ 3
และได้นำความรูปที่ได้ศึกษาและทำโครงงานเกี่ยวกับการปลูกไม้ดอกเมืองหนาว มาทดลองปลูกที่จังหวัดกาฬสินธุ์บ้าน ที่บ้านหนองแสง ม.17 ต.สำราญใต้ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์
น้องมารุตเล่าเรื่องการทำสวนต้นดอกเบญจมาศ ว่า ต้นดอกเบญจมาศ ที่ใช้ปลูกที่สวนแห่งนี้เป็นสายพันธุ์มัม ปลูกด้วยการชำยอดอ่อนลงดินประมาณ 10-15 วัน เมื่อออกรากแล้วนำไปลงปลูกในแปลงดินที่เตรียมไว้ จากนั้นประมาณ 20 วัน ทำการเด็ดยอด เพื่อให้แตกยอดออกหลายยอด
ซึ่งหลังจากใช้เวลาปลูก 3 เดือน ผลปรากฏว่าดิกเบญจมาศที่ปลูกนั้น ออกดอกดีเกินความหมาย ออกใหญ่ สวย มีความสมบูรณ์มากๆ สีสันสดใส (ตามภาพ)
ส่วนดอกเบญจมาศสายพันธุ์มัมที่ปลูกที่บ้านหนองแสงแห่งนี้นั้น มีสีดอกเช่น ขาว, ขาว-เหลือง, เขียว, ม่วง, เหลือง, เหลือง-ส้ม, ชมพู และ เขียว
ซึ่งมีการเร่งการเจริญเติบโตด้วยการเปิดหลอดไฟให้แสงสว่างในช่วงกลางคืนประมาณ 1ทุ่มถึง 3 ทุ่ม ด้วย
รดน้ำเช้าเย็น ใส่ปุ๋ยสูตรผสม 15-0-0, 15-15-15, 16-16-16 และ 8-24-24
ที่สวนแห่งนี้ ได้เริ่มต้นทดลองปลูกบนเนื้อที่ 1 ไร่ ปลูกเดือนตุลาคม 2560 ที่ผ่านมา ผลผลิตออกดีมากๆ ดอกเบญจมาศที่ได้ประมาณ 1,500-2,000 กิโลกรับ จำหน่ายจากสวน กิโลกรัมละ 80-120 บาทครับ
#การจำหน่าย: - กระถางใหญ่มี 3 ต้น ราคา 100 บาท - กระถางกลางมี 1 ต้น ราคา 50 บาท - แบบใส่ถุงดำมี 1 ต้น 35 บาท (3 ถุง ราคา 100 บาท)
ซึ่งราคาจำหน่ายดอกเบญจมาศสดจากสวนในตอนนี้กิโลกรัมละ 80 บาทครับ
สำหรับพี่น้องชาวกาฬสินธุ์บ้านเฮาท่านใดที่สนใจศึกษาและเยี่ยมชมสวนก็สามารถโทรประสานไปได้ที่เบอร์ระบุในแผนที่การเดินทางครับ
และนี่คือตัวอย่าง #คนหนุ่มรุ่นใหม่กล้าคิดต่างก้าวสู่อาชีพเงินล้าน ที่น่าดูเป็นตัวอย่างของจังหวัดกาฬสินธุ์บ้านเราครับ
ขอขอบคุณ ภาพถ่ายเเละบทความ จาก นายอนุชา สิงหะดี นายอนุชา สิงหะดี
|